❝ หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับกลยุทธ์การตลาด อย่าง “4P” หรือ Marketing Mix เน้นที่ตัวสินค้า หรือบริการเป็นหลัก ซึ่งต่อมา พฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย การขาย จึงไม่ใช่แค่การขายสินค้า หรือบริการ แต่เป็นการขายประสบการณ์ และความประทับใจ ให้กับลูกค้าอีกด้วยนั่นเอง ❞
บทความนี้ เราจะพาทุกคน ไปรู้จัก 4E Marketing ว่าคืออะไร? สามารถช่วยในการขายสินค้า และบริการ ได้อย่างไรบ้าง? ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
4E Marketing คืออะไร?
กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ อย่าง 4E เกิดจาก การเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์พื้นฐาน อย่าง 4P Marketing Mix หรือส่วนผสมพื้นฐานทางการตลาด ที่ช่วยในการสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อดึงดูดลูกค้า ต่อมาเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา แน่นอนว่า พฤติกรรมของผู้บริโภค ก็เปลี่ยนแปลงไปจากกลยุทธ์แบบ 4P’s จึงได้มีการพัฒนาไปเป็น 4E Marketing ซึ่งเน้นการสร้าง Customer Experience ที่น่าประทับใจให้แก่ผู้บริโภคนั่นเอง
4EMarketing มีอะไรบ้าง?
“4E” อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ ที่เน้นสร้างความประทับใจ มากกว่าการขายสินค้า มีดังนี้
Experience สร้างประสบการณ์ที่ดี
E ตัวแรก คือ Experience ซึ่งพัฒนามาจาก Product แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภค ในปัจจุบันนั้น ไม่ได้ต้องการแค่ “สินค้า” หรือ “บริการ” แล้วจบ ร้านค้า จำเป็นต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ เข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี หรือแปลกใหม่ให้กับลูกค้าด้วย
ตัวอย่าง : การทำร้านคาเฟ่ ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่ “กาแฟรสชาติดี” แต่พวกเขาต้องการ การตกแต่งร้านที่สวยงาม มีมุมให้ถ่ายรูป หรือ Packaging ที่น่ารัก จนต้องถ่ายลงโซเซียล รวมไปถึงการบริการของพนักงาน ที่เป็นมิตร ทั้งหมดนี้ ล้วน เป็นการสร้าง “Experience” ที่ร้านค้าควรให้ความสนใจ
Exchange สร้างความคุ้มค่าให้ลูกค้ายอมจ่าย
ราคา มักเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และใช้เป็นปัจจัยในการเปรียบเทียบเพื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการ แบรนด์จึงมีกลยุทธ์ ในการตั้งราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ผ่านการลดต้นทุน ส่งผลให้บางครั้ง สินค้าอาจมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร แต่ในกลยุทธ์ “4E” เราจะต้อง “สร้างคุณค่า” หรือเพิ่มมูลค่า ให้กับสินค้าหรือบริการ เพื่อให้ลูกค้าพร้อมที่จะ จ่าย หรือเข้ามาใช้บริการร้านอาหารของเรา
ตัวอย่าง : หากเปิดร้านคาเฟ่ คุณอาจมีการสร้างคุณค่า ผ่านการเล่าเรื่องของ เมล็ดกาแฟ ที่มีวิธีการปลูก และการดูแลที่แตกต่างกว่าร้านอื่น ๆ ทำให้มีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงการสร้างโปรโมชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่องทางเดลิเวอรี่ การสร้างโปรโมชั่น สามารถเพิ่มความน่าสนใจให้ร้านค้า จ่ายน้อยแต่ได้เยอะ ถือเป็นการช่วยให้ลูกค้ารู้สึกคุ้ม และเลือกสั่งอาหารกับร้านของเรา
Everywhere เข้าถึงได้ง่ายผ่านออนไลน์
สำหรับการทำร้านค้าแล้ว ทำเล ที่ตั้ง ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องให้ความสนใจ เพราะถ้าทำเลดี ลูกค้าเห็น ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ปัจจุบัน หน้าร้านส่วนใหญ่ ได้ถูกย้ายเข้าสู่โลกออนไลน์กันแล้ว ทำให้ลูกค้า สามารถเข้าถึงสินค้าได้ทุกมุมทั่วโลก ทำเล จึงไม่ใช่สิ่งที่ร้านค้าควรให้ความสำคัญอีกต่อไป แบรนด์ หรือร้านค้าต่าง ๆ จึงควรหันมาเน้นการสร้างหน้าร้าน บนโซเซียลมีเดีย และศึกษาการทำการตลาด แบบดิจิทัลกันให้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ตัวอย่าง : ร้านคาเฟ่ ควรมีเพจของร้านบนโซเซียลมีเดีย อย่าง Facebook หรือ Instagram รวมถึงมีบริการส่งแบบเดลิเวอรี่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
Evangelism สร้างลูกค้าขาประจำ
การตลาดแบบ “4E” แค่การ ลด แลก แจก แถม แบบ P ที่ 4 ใน 4P คือ Promotion คงไม่พออีกต่อไป ในยุคนี้ เราต้องมาคิดว่า จะทำยังไงให้ลูกค้าขาจร กลายมาเป็นลูกค้าประจำของเราให้ได้ ด้วยองค์ประกอบทั้ง 3 หรือการนำ Experience, Exchange, Everywhere มาประกอบกัน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และบอกต่อได้
ตัวอย่าง : ร้านคาเฟ่มีการจัด Workshop ทำกาแฟให้แก่สมาชิก ทำให้ลูกค้าที่เข้าร่วม ได้รับรู้เรื่องราวของแบรนด์ และมีความรู้สึกร่วมไปกับแบรนด์ด้วย หรือการสร้างเรื่องราวของแบรนด์ให้ลูกค้าเกิดความผูกพัน เช่น หากลูกค้าซื้อข้าวกล่อง 1 กล่อง ทางร้านจะบริจาค 1 กล่องให้ผู้ประสบภัย วิธีการขายแบบนี้ ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมกับแบรนด์ รู้สึกดี ที่ได้เป็นส่วนนึงในการช่วยเหลือสังคม และกลับมาซื้อสินค้ากับแบรนด์อยู่เป็นประจำ
เป็นอย่างไรกันบ้าง ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ 4E Marketing ที่นำมาฝากกัน จะเห็นได้ว่า การตลาด ไม่ใช่หลักการตายตัว ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่มันมีความยืดหยุ่น ที่สูงมาก และต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรม ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคตลอดเวลา ดังนั้น นักการตลาด จึงควรกระตือรือร้น และตามเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างกลยุทธ์ ในการมัดลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
บทความดี ๆ ที่น่าสนใจ :
อยากเป็นเจ้าของ แฟรนไชส์ ต้องทำอะไรบ้าง?
มือใหม่ต้องรู้! แผนธุรกิจ คืออะไร? ยอดพุ่ง กำไรเพิ่ม ทำได้ง่ายๆ
รวมมาให้ แฟรนไชส์ลงทุนน้อย สร้างกำไรได้ แม้ทุนไม่เยอะ!
สำหรับใครที่ต้องการ ต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้เสริม มาเริ่มต้นธุรกิจ “แฟรนไชส์ไก่ทอด” ที่คุ้มค่ามากที่สุด กับ นายหัวไก่ทอดหาดใหญ่ กันดีไหม? เริ่มต้นธุรกิจเพียง 2,490 บาท การันตีได้ว่า เป็นแฟรนไชส์ ไก่ทอด ที่ได้มาตรฐานความอร่อย และสามารถสร้างรายได้ ได้จริง คืนทุนไว คุ้มราคาอย่างแน่นอน!
สนใจเริ่มต้นธุรกิจกับพวกเรา >> แฟรนไชส์ นายหัวไก่ทอดหาดใหญ่ คลิกเลย <<
อ้างอิงข้อมูลจาก wongnai.com, adaddictth.com