เมื่อปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ บวกกับสถานการณ์โรคระบาด ที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต่าง ๆ ขาดสภาพคล่อง และมีปัญหาหลาย ๆ ด้าน ซึ่งระหว่างนั้น ร้านอาหาร จะสามารถที่จะอยู่ต่อไปได้ คือ การนำร้านเข้าสู่แพลตฟอร์ม ส่งอาหารเดลิเวอรี่ (Food Delivery) เพื่อให้ธุรกิจสามารถประคับประคองต่อไปได้ เดลเวอรี่ คือ อีกหนึ่งทางเลือก ที่น่าสนใจมากในปัจจุบัน บทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ Food Delivery เครื่องมือ ตัวช่วยในการขายยุคใหม่ คืออะไร? ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
เดลิเวอรี่ (Delivery) คืออะไร?
เดลิเวอรี่ (Delivery) คือ บริการจัดส่งถึงที่ เมื่อสั่งสินค้า/บริการจัดส่งให้ในทันที เช่น จัดส่งดอกไม้ อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าต่าง ๆ อีกมากมาย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ในชีวิตประจำวันของคนยุคนี้ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปแต่ละร้านด้วยตัวเอง หรือบางร้าน อาจมีบริการเก็บเงินปลายทางให้อีกด้วย และยังเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่สร้างรายได้ให้หลายคนด้วย ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ให้บริการเดลิเวอรี่อยู่หลายรายด้วยกัน
จุดเด่นของบริการเดลิเวอรี่
- เพิ่มโอกาสทำยอดขาย และมีลูกค้าประจำสูงขึ้น เนื่องจากความสะดวกสบายที่ ไม่ต้องเดินทางมาซื้ออาหารด้วยตนเอง ทำให้มีลูกค้าส่วนใหญ่ สนใจใช้บริการ ยิ่งหากบริการดี และอาหารมีความอร่อย คุ้มค่าด้วยแล้ว ก็จะทำให้เกิดลูกค้าประจำ และมีการบอกต่อ ๆ กันไป จนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- เป็นผลดีต่อผู้ที่ทำหน้าที่จัดส่งอาหารถึงลูกค้า เพราะลูกค้าบางราย ก็จะมีการให้ทิป ซึ่งเงินส่วนนี้ จะได้กับคนจัดส่งนั่นเอง
- สามารถขายอาหารได้หลายช่องทางมากขึ้น จากที่เคยมีแต่หน้าร้าน ก็สามารถใช้วิธีการแจกใบปลิว การลงประกาศขายบนอินเทอร์เน็ต เพราะลูกค้า ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้าน แค่เห็นเมนูอาหารของทางร้านผ่านทางใบปลิว หรือเว็บไซต์ ก็โทรสั่งซื้อได้ทันที
จุดอ่อนของบริการเดลิเวอรี่
- ส่งอาหารได้ในพื้นที่จำกัดเท่านั้น เช่น ร้านอาหารอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะส่งเฉพาะในพื้นที่เชียงใหม่ หรือพื้นที่ไม่กี่อำเภอ เป็นต้น
- อาจมีปัญหาจากการไม่รู้เส้นทาง ทำให้การจัดส่งล่าช้าลง โดยเฉพาะ เมื่อไม่สามารถโทรติดต่อกับลูกค้าได้ในขณะกำลังจัดส่ง
- ต้องมีความรับผิดชอบสูง โดยจะต้องจัดส่งอาหาร ถึงมือลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด พร้อมแข่งกับเวลา ซึ่งหากเจอเส้นทางที่ลำบาก ก็จะเป็นอุปสรรคมากทีเดียว
ประเภทของ Food Delivery
Food Delivery แบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก ซึ่งแบบที่แพร่หลายในประเทศไทย คือ
- แบบ Ready to eat หรือการเดลิเวอรี่ อาหารพร้อมทาน ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ผ่านแอปพลิเคชัน ที่คนใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น Line Man, Grab, Food Panda, Shopee Food เป็นต้น
- แบบ Ready to cook ซึ่งถือเป็นโอกาส สำหรับผู้ประกอบการในปัจจุบัน เพราะยังไม่ค่อยมีคนเข้ามาเล่นในตลาดนี้สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเตรียมอาหาร และเตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติมพอสมควร เช่น ถ้าเป็นอาหารประเภทสเต็ก ทางร้านอาหาร อาจจะต้องย่างเนื้อสเต็ก พอให้สุกสัก 70% หลังจากนั้น ก็ใส่ไว้ในถุงซีสสุญญากาศ และเก็บในตู้แช่เย็น เพื่อคงความสดไว้สำหรับการเดลิเวอรี่นั่นเอง
ทำไมคนจึงนิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่?
การสั่งเดลิเวอรี่ กลายเป็นเรื่องปกติของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเมนูอร่อย แบบร้อน หรือเย็น ก็ออเดอร์ผ่านทางเดลิเวอรี่ได้มากขึ้น จนทำให้หลายร้าน ต้องปรับตัวมารับ ส่งอาหารเดลิเวอรี่ กันมากขึ้น แถมยังทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย และอยากสั่งอาหารมากขึ้น เช่น
- เข้าถึงของอร่อยได้ง่าย ส่งตรงถึงหน้าบ้าน กินได้หลากหลาย ครบทุกความอร่อยในมื้อเดียว สั่งง่ายแค่คลิก
- งานรัดตัว ไม่มีเวลา ขี้เกียจออกจากบ้าน เบื่อรถติด หาที่จอดรถไม่ได้
- ไม่อยากจะเดินทางไปที่ร้านเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปรอคิวนาน ๆ
- มีช่องทางการชำระเงินให้เลือกมากกว่า 1 ช่องทาง
- มีอาหาร ขนมหวาน เครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย
- รับคูปองส่วนลด เมื่อสั่งอาหารครบ 200 บาทขึ้นไป
- โปรโมชั่น เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า
- ส่งเร็วทันใจ หากอยู่ในระยะทางที่ไม่เกิน 1 กิโลเมตร
- สามารถสั่งอาหารพร้อม ๆ กันหลายร้านได้ในมื้อเดียว
เคล็ดลับความสำเร็จ ของการเปิดร้านอาหารเดลิเวอรี่
อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า การเปิดร้านอาหารแบบเดลิเวอรี่ มีทั้งข้อดี และจุดอ่อน ที่อาจก่อให้เกิดอุปสรรคได้ แต่การจะทำธุรกิจร้านอาหารเดลิเวอรี่ ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนกัน ดังนี้
1. เมนูอาหารต้องเจ๋งจริง
การเปิดร้านอาหารแบบเดลิเวอรี่ ต้องมีต้นทุนสูง ในการจ้างพนักงานจัดส่งเพิ่มเติม และค่าน้ำมันรถ หรืออื่น ๆ ดังนั้น ต้องมั่นใจก่อนว่า เมนูอาหารของคุณ จะมีความเจ๋ง และดึงดูดลูกค้าให้อุดหนุนได้อย่างต่อเนื่อง
2. แจ้งรายละเอียด และราคาสินค้าอย่างชัดเจน
ลูกค้าส่วนใหญ่ จะให้ความสนใจกับร้านอาหารเดลิเวอรี่ ที่มีการบอกรายละเอียดของเมนูอาหาร ราคาอาหาร และราคาค่าบริการจัดส่งอย่างชัดเจน มากกว่าร้านที่บอกแค่ราคาอาหารเท่านั้น เพราะจะทำให้พวกเขาสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ ดังนั้น หากคุณทำใบปลิว หรือลงประกาศขายในเว็บไซต์ อย่าลืมที่จะใส่รายละเอียดให้ครบถ้วน และชัดเจนด้วย
3. บริการจัดส่งต้องรวดเร็วทันใจ
สำหรับบริการจัดส่งอาหารไปถึงมือลูกค้า จะต้องมีความรวดเร็วทันใจ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้านั่นเอง โดยในระหว่างการสั่งซื้อ หากพบว่าจุดที่ลูกค้าให้ไปส่งมีความห่างไกลจากร้านพอสมควร และต้องเจอกับปัญหารถติด หรือเส้นทางที่ลำบาก ควรแจ้งแก่ลูกค้าก่อนว่า อาจมีความล่าช้าเล็กน้อย เนื่องจากเหตุผลอะไร และจะไปถึงที่หมายประมาณกี่นาที เท่านี้ก็ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกแย่ แถมยังได้ความพึงพอใจจากลูกค้าอีกด้วย
4. จัดโปรส่งเสริมการขาย
นอกจากต้องให้ความใส่ใจในเมนูอาหาร รสชาติความอร่อย และบริการจัดส่งที่รวดเร็วแล้ว ก็ต้องมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้า ให้เกิดความสนใจมากขึ้นอีกด้วย เช่น โปรลด แลก แจก แถม เป็นต้น เป็นการส่งเสริมการขาย เพื่อเรียกลูกค้านั่นเอง
เมนูนิยม ที่คนชอบสั่งออนไลน์ผ่านแอป Food Delivery
1. เครื่องดื่ม หรือชานมไข่มุก
2. เมนูทอด และย่าง
3. อาหารฟาสฟู้ด
4. ก๋วยเตี๋ยว หรืออาหารประเภทเส้น
5. ขนมปัง / เบเกอรี่
สินค้าออนไลน์ที่น่าขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี่
1. อาหารกล่อง เป็นแบบเมนูเดียวจบ มีทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือเกาหลี เป็นต้น
2. อาหารซีฟู๊ด เช่น เมนูปูดอง กุ้งเแช่น้ำปลา ทะเลเผา เป็นต้น
3. น้ำพริก เป็นอาหารแห้ง ที่ลูกค้าชอบซื้อไปเก็บไว้ทาน เช่น น้ำพริกแห้ง น้ำพริกผัด เป็นต้น
4. อาหารประเภททอด เช่น ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด หรือเป็นเมนูทอดที่ไม่ธรรมดา ต้องมีสูตรเด็ด หรือมีไอเดียที่แปลก และน่ากินมากกว่าร้านทั่วไป
5. อาหารคลีน เป็นอาหาร เทรนด์คนรักสุขภาพที่กำลังมาแรง
6. ผลไม้สด เป็นอีกประเภท ที่ลูกค้าสนใจสั่งมากอยู่ไม่น้อย และผลไม้ต้องมีคุณภาพ แพ็คเกจสวยด้วย
7. อาหารสดแช่แข็ง เป็นสินค้าที่ขนส่งง่าย เป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วไป เช่น ปลาสด กุ้งสด หมึกสด
8. เบเกอรี่ เป็นอีกสินค้าที่ขายดี เช่น เค้ก ขนมปัง คุกกี้ หรือขนมไทย ซึ่งการจัดส่งง่าย มีช่องทางการจัดส่งหลากหลาย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ Food Delivery สั่งอาหารเดลิเวอรี่ ทำให้หลายคนมีงานทำ ทำให้ได้กินของอร่อย โดยไม่ต้องเดินทาง ทำให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อมีประโยชน์ ก็เกิดการใช้ จะใช้เพื่อความสะดวก ความคุ้มค่า ช่วยบริหารเวลา หรือช่วยอุดหนุนร้านค้า ซึ่งทำให้บริการเดลิเวอรี่ครองใจคนในยุคปัจจุบันมากที่สุดนั่นเอง
สามารถติดตาม บทความดี ๆ ได้ที่นี่
สำหรับใครที่ต้องการ ต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้เสริม มาเริ่มต้นธุรกิจ “แฟรนไชส์ไก่ทอด” ที่คุ้มค่ามากที่สุด กับ นายหัวไก่ทอดหาดใหญ่ กันดีไหม? เริ่มต้นธุรกิจเพียง 2,490 บาท การันตีได้ว่า เป็นแฟรนไชส์ ไก่ทอด ที่ได้มาตรฐานความอร่อย และสามารถสร้างรายได้ ได้จริง คืนทุนไว คุ้มราคาอย่างแน่นอน! สนใจเริ่มต้นธุรกิจกับพวกเรา >> แฟรนไชส์ นายหัวไก่ทอดหาดใหญ่ คลิกเลย <<
อ้างอิงข้อมูลจาก : taokaemai.com, amprohealth.com